จากกรณีที่กลายเป็นข่าวดังมาอย่างต่อเนื่องกับการที่ เดฟ เลดั๊ค นักมวยชาวแคนาดา ดีกรีแชมป์เลธเหว่ย (มวยพม่าคาดเชือก) พยายามออกมาท้าทาย “ดำดอทคอม” บัวขาว บัญชาเมฆ ยอดนักชกขวัญใจชาวไทย ให้ขึ้นชกกับตนบนสังเวียน

ซึ่งที่ผ่านมา นักชกจอมเกรียนวัย 30 ปี นั้นมีความต้องการที่อยากจะวัดฝีมือกับ บัวขาว เป็นอย่างมากโดยพยายามสร้างเรื่องยั่วยุ ต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นการออกมาดูหมิ่นศิลปะแม่ไม้มวยไทย ยกเอาประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาโยงให้เป็นประเด็น รวมถึงนำปัญหาภายในครอบครัว และเรื่องส่วนตัวของ บัวขาว มาเป็นชนวนในการท้าทาย

นอกจากนี้เจ้าตัวยังอ้างว่าได้ยื่นข้อเสนอมาให้กับทางค่ายบัญชาเมฆ พิจารณาแล้ว กับกติกายกเดียว 9 นาที ไม่ต้องมีกรรมการ ตัดสินด้วยการชนะน็อกเท่านั้น หากยืนครบยกคือเสมอกัน และสามารถใช้ หมัด, เท้า, เข่า และ ศอก ได้หมด แต่จะไม่มีการใช้หัวโขก

ซึ่งเรื่องนี้ทาง ทีมงาน Sanook ได้มีการติดต่อสอบถามไปยัง ธีรวัฒน์ ยิ้วยิ้ม ผู้จัดการของ บัวขาว บัญชาเฆม เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่าแท้จริงแล้วมันเป็นอย่างไรกันแน่ ซึ่งก็ได้คำตอบว่า “สำหรับดีลการชกของ เดฟ เลดั๊ค กับ บัวขาว บัญชาเมฆ เป็นทางเขาที่ต้องการที่จะขึ้นชกกับเรา”

“ซึ่งหากมองกันตามตรงฝ่ายเรานั้นเสียเปรียบทั้งในเรื่องของขนาดร่างกาย และ น้ำหนักตัว แต่บอกเลย บัวขาว ไม่เคยกลัวใครแน่นอน ส่วนเรื่องของกติกานั้นแน่นอนเราคงไม่บ้าที่จะไปใช้หัวโขกกับเขา ก็มีการเจรจาพูดคุยถึงความเป็นไปได้ในการเจอกันในกติกาที่เป็นกีฬาแบบสากลไปเมื่อกลางปี 2564”

“ซึ่งทาง บัวขาว ก็มีอาชีพเป็นนักมวย แน่นอนก็ต้องหาเงินจากการขึ้นชกบนสังเวียนเป็นหลัก เราก็ได้เรียกค่าตัวไปเป็นเงินจำนวนหนึ่งว่าหากอยากที่จะชกกันจริงๆ คุณก็ต้องจ่ายมาให้เรา ไม่ใช่ให้เราไปชกกับคุณฟรีๆ ซึ่งในโลกไม่มีใครเขาทำกัน จากนั้นเรื่องก็เงียบไป”

“แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขายังคงออกมาป่าวประกาศในโซเชียล โดยโยงชื่อของ บัวขาว อยู่เสมอๆ ว่าไม่กล้าที่จะขึ้นชกกับเขาบ้าง กลัวเขาบ้าง ทั้งที่ความจริงก็อย่างที่บอกไปข้างต้น ซึ่งเรื่องนี้ก็สร้างความแปลกใจเพราะวงการกีฬาอาชีพ ตัวของนักกีฬาจะไม่ออกมาท้าทายนักชกคนนั้นคนนี้ แต่จะเป็นทางฝั่งโปรโมเตอร์ที่เป็นคนจัดการชกแทน”

สำหรับ เดฟ เลดั๊ค นักชกเจ้าของส่วนสูง 188 เซนติเมตร มีประวัติการชกชนะ 6 เสมอ 6 ครั้ง (ครบ 5 ยก ไม่มีฝ่ายใดน็อก ถือว่าเสมอกัน) ถือเป็นขวัญใจของชาวพม่า เนื่องจากโพสต์ยกย่องศิลปะการต่อสู้เลธเหว่ย (มวยพม่าคาดเชือก) ว่าเป็นที่หนึ่งของโลก และใช้กระแสในโลกออนไลน์สร้างสร้างชื่อให้กับตัวเองเรื่อยมา