“ซ้ายดารา” ตะวันฉาย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม ยอดมวยดาวรุ่งแห่งยุค กำลังฉายแววการเป็นซูเปอร์สตาร์คนใหม่บนเวทีระดับโลกในฐานะนักกีฬา ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต แต่น้อยคนนักจะรู้ว่านักชกหน้าหล่อวัย 22 ปี คนนี้เคยมีชีวิตที่อู้ฟู่ระดับเป็นคุณหนูมาก่อน จนกระทั่งชีวิตพลิกผันที่ทำให้เขาได้มาพบกับมวยไทยที่ยึดเป็นอาชีพหลักและประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้
“เจ้ากันต์” ตะวันฉาย ชื่อจริง “ณรงค์ศักดิ์ แก้วมาลา” เกิดเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2542 เติบโตในครอบครัวมีอันจะกิน บิดาเป็นนักธุรกิจใหญ่ในจังหวัดชลบุรี ลงทุนร่วมกับพี่เขยและเครือญาติทำธุรกิจท่องเที่ยวในเกาะล้าน จ.ชลบุรี ในนาม “ทัวร์วิไลสมุทร” มีเรือข้ามฝั่งหลายสิบลำ ทั้งเรือโดยสารขนาดใหญ่ สปีดโบ๊ท เจ็ทสกี เรือกล้วย นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารในเกาะล้านไว้บริการนักท่องเที่ยว
จังหวะไม่ดี ขณะนั้นเศรษฐกิจทั่วโลกอยู่ในช่วงขาลง อันสืบเนื่องมาจากปี 2540 เกิด “วิกฤติต้มยำกุ้ง” ค่าเงินบาทลดลงอย่างมาก ภาคธุรกิจเอกชนต่างพากันปิดกิจการลง พนักงานถูกปลดออก หนี้สินเกิดขึ้นมหาศาล รวมถึงทัวร์วิไลสมุทรก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน หนำซ้ำพี่เขยของพ่อถูกยิงตาย ธุรกิจขัดแย้งถูกคู่แข่งแย่งกิจการไป เงินทองที่หามาได้จึงถูกนำไปใช้จนหมดสิ้นในเวลาไม่กี่ปีต่อมา
“ช่วงที่ผมเกิดมา เป็นช่วงที่พ่อก็เริ่มแย่แล้วครับ เป็นเพราะเงินบาทลอยตัวจากวิกฤตต้มยำกุ้ง ซึ่งจำได้ว่า ชีวิตสุขสบาย ไปโรงเรียนพ่อจะขับรถพาไปส่ง อยากได้อะไรพ่อแม่จะซื้อให้ได้ทุกอย่าง ไปเที่ยวห้างซื้อรถบังคับตลอด เรียกว่าในหมู่บ้านผมจะมีเสื้อผ้าและของเล่นเยอะที่สุด เต็มไปหมด 2 – 3 ตะกร้า มีทองคำใส่ตั้งแต่เด็ก ดูในรูปเก่า ๆ ใส่ทอง 2 ข้างเลย แต่ช่วงหลัง ๆ เห็นพ่อทยอยขายเรือไปทีละลำ จนเหลือลำสุดท้ายตอนผมอายุประมาณ 7 ขวบ หลังจากนั้นก็ขายรถ ขายมอเตอร์ไซค์ และสุดท้ายก็ขายบ้าน แล้วก็มาอยู่ห้องเช่าเล็ก ๆ ด้วยกัน” ตะวันฉาย เล่า
ในวัยเด็กตะวันฉายไม่เคยชอบมวย แต่เมื่อครอบครัวประสบปัญหา จึงเหมือนมีสัญชาตญาณอะไรบางอย่างบอกเขาว่า เขาเริ่มชอบมวยแล้ว!
“สมัยตอนเล็ก ๆ ผมไม่เคยชอบมวย แต่ตอนพ่อเหลือเรือไม่กี่ลำ เป็นช่วงที่เรากำลังขับรถกลับบ้านผ่านเวทีมวยเทพประสิทธิ์ พัทยา ผมเห็นนักมวยกำลังชกกัน ผมก็อยากชกแบบเขาบ้าง พอผมบอกพ่อ พ่อก็ซื้อกระสอบทราย กางเกงมวย มาให้เลย แขวนไว้ที่ต้นมะม่วงข้างบ้าน และก็พาไปฝากซ้อมที่ค่ายเพชรรุ่งเรือง มี “พ่อบุญธรรม” อนันต์ศักดิ์ เปียปลื้ม เป็นครูมวยคนแรก ดูแลผมทุกอย่างตั้งแต่เล็กจนโต อยู่เบื้องหลังความสำเร็จจนทุกวันนี้”
แม้จะรับรู้ว่าสถานะของครอบครัวที่เปลี่ยนไป แต่ ตะวันฉาย กลับไม่เคยรู้สึกน้อยใจในโชคชะตาเลย
“ผมไม่เคยน้อยใจในชีวิตนะครับ ผมชอบเป็นอย่างนี้มากกว่า ผมได้รู้ว่าความลำบากมันเป็นยังไง และถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้ผมก็ไม่อยากเป็นลูกคุณหนูนะ ผมอยากยืนด้วยลำแข้งตัวเอง ได้ประสบการณ์ ได้ความรู้ที่ดีกว่า นี่พูดจากใจเลยครับ และผมก็เชื่อว่าทุกวันนี้พ่อก็ภูมิใจในตัวผม”
ตะวันฉายคิดอยู่เสมอว่า การที่ได้ทำในสิ่งที่ตนเองรักมีความสุขที่สุด เงินจากการชกมวยทำให้ชีวิตดีขึ้น ส่วนอนาคตอยากทำอะไรอีกหลายอย่างเพื่อครอบครัว
“ผมอยากทำให้พ่อกับป๊า (พ่อบุญธรรม) ดีใจครับ คือเขาอยากให้ผมเป็นนายตำรวจ ส่วนตัวผมอยากเป็นเจ้าของกิจการ และที่สำคัญคืออยากเป็นแชมป์โลก วัน แชมเปียนชิพให้ได้ครับ”
สำหรับไฟต์ต่อไป ตะวันฉาย มีโปรแกรมพบกับ “เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์” ที่คลาดแคล้วกันไปหลายต่อหลายที ซึ่งคราวนี้ลงตัวที่ศึก ONE: HEAVY HITTERS ซึ่งจะถ่ายทอดสดในวันศุกร์ที่ 14 มกราคม 2565 โดยหาก ตะวันฉาย เอาชนะมวยรุ่นพี่คนสนิทมาได้ เขาก็จะขยับเข้าใกล้บัลลังก์แชมป์ที่มี “น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว” นั่งครองอยู่